สวัสดีจ้า กระทู้นี้ไม่ได้มีสาระอะไรเท่าไรนะ 5555 เป็นแค่เรื่องราวความรักของเราที่อยากมาเล่าเท่านั้นเอง เป็นความทรงจำที่นึกถึงเมื่อไรเราก็เหมือน
ถูกดูดให้ย้อนกลับไปช่วงเวลาเหล่านั้น มันมีความสุข แล้วก็จะยิ้มออกมาโดยที่เราไม่รู้ตัวเสมอ
ปล. ไม่ได้มาซ้อมแต่งนิยายใดๆนะ 555 เรื่องอาจจะไม่สนุกนะ เราแค่อยากถ่ายทอดความทรงจำเก็บไว้เป็นตัวหนังสือ ไม่ใช่เป็นแค่ภาพในหัวเท่านั้น^^
เรื่องมีอยู่ว่า....
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราต้องย้ายโรงเรียน เพราะเราสอบติดโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งอยู่คนละจังหวัดกับที่เราอยู่
โรงเรียนที่เราจะไปค่อนข้างจะมีแต่เด็กเก่งๆ และที่สำคัญก็ดูจะมีอันจะกินกันไปหมด 5555
เรามาจากครอบครัวธรรมดาสามัญมากๆ เลยรู้สึกกังวลมาก ไม่รู้จะปรับตัว หรือว่าเข้ากับคนอื่นได้ไหม
เราเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด (อ่านมาถึงตรงนี้จะบอกว่า ที่เกริ่นมาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่จะเล่าเลย 555555)
แล้วเราก็เป็นคนที่ชอบอ่านนิยายรักหวานแหว (นิยาย แจ่มใส วิ๊งๆๆ ประมาณนี้) เพราะฉะนั้นเราจะเป็นพวกมีจินตนาการล้ำเลิศ ชอบมโนไปเรื่อย ตามประสาเด็กผู้หญิงช่างฝัน ก็แบบประมาณว่า ถ้าบังเอิญเจอใครบ่อยๆ แม้ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนอะนะ ก็จะมโนว่า อุ๊ย ตานี่เนื้อคู่เรารึป่าว ยิ่งถ้าหล่อใสแล้วได้สบตา จะยิ่งเอากลับไปฟิน แต่งเป็นเรื่องเป็นราวอยู่คนเดียว 55555
เข้าเรื่องเลยดีกว่าเนอะ 55555
ด้วยความชอบมโนของเรานี่แหละ วันนั้นเป็นวันสัมภาษณ์กับตรวจร่างกายของ รร.ใหม่เรา เป็นวันแรกที่จะได้เห็นหน้าเพื่อนใหม่ของเราในอนาคตแบบพร้อมเพรียง ครั้งแรกที่เห็นทุกคนเราแบบ เฮ้ย ทำไมแต่ละคนดูมีออร่าจัง คนนั้นก็ขาว คนนั้นก็น่ารัก ผมยาว ดูวิ๊งๆๆ ปาจิงโกะ กันไปหมด แต่แน่นอน ผญไม่อยู่ในสายตาเรานานหรอก 555 เหยื่อของเราก็ต้องเป็น หนุ่มน้อยหน้ามน ทั้งหลายแต่ละคนก็ดูดีไปหมด อาจจะไม่ได้ดูดีมาก แต่เราเคยอยู่แต่รร.หญิงล้วนมาตลอด เลยไม่ค่อยได้สัมผัสกับ สมช เพศตรงข้ามเท่าไรเราเลยตื่นเต้นนิดหน่อย 5555 ระหว่างรอปฐมนิเทศเราก็นั่งมองคนนั้นคนนี้ไปเพลินๆ แล้วสายตาก็บังเอิญมาเจอกับ เด็กผู้ชายคนนึง หน้าตาก็งั้นๆ ใส่แว่น ผมชี้ๆ ตัวสูงกว่าเรานิดหน่อย ดูเป็นเด็กเรียนมาก และที่สำคัญพูดมากโครตๆ เค้าชอบแกล้งคนนั้น คนนี้ไปเรื่อย เท่าที่ดูคงจะเป็นคนประเภทอัธยาศัยดีเว่อ แล้วน่าจะเจ้าชู้เว่อด้วย เห็นแกล้งแต่ผญน่ารัก เราเห็นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่รู้สึกไม่ถูกชะตาเอาซะเลย
เราไม่ค่อยชอบผู้ชาายที่พูดมากเท่าไร ยิ่งชอบมาแกล้งนู่นนี่นั่น ยิ่งไม่ค่อยชอบ เพราะเราอ่านนิยายมาเยอะ สเปคหนุ่นในนิยายของเราต้องแบบเย็นชา เงียบขรึม ดูเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้น พอเห็นตานี่แล้วก็คิดเลยว่า "ขอให้อย่ามาอยู่ห้องเดียวกันเลยเถ๊อะ สาธุ"
แต่ก็นะ คงจะจริงเหมือนกับที่โบราณเค้าว่าเอาไว้ "ไม่ชอบอะไร ก็จะได้อย่างนั้น" วันแรกที่เปิดเรียนมา เราตื่นเต้นมากลุ้นว่าจะมีเพื่อนร่วมห้องเป็นใครบ้าง
พอไปถึงห้องเรียนก็เจอเพื่อนๆ หลายคนก็ทักทายทำความรู้จักกันเป็นธรรมดา เราได้นั่งข้างเด็กผญคนนึง น่าตาน่ารักเชียวแหละ ดูฮอตในหมู่เพื่อนๆด้วย ยิ่งมีเราหน้าตาจืดๆไปนั่งข้าง เหมือนจะช่วยให้เค้าดูเด่นขึ้นไปอีก 55555 ระหว่างที่เรานั่งอยู่ที่โต๊ะของเรา เราก็ได้ยินเสียงหัวเราะชั่วร้ายดังขึ้น พร้อมกับเสียงบ่นไม่พอใจของเพื่อนผญดังตามมา เราหันไปดูไม่ใช่ใครที่ไหน ก็อีตาแว่น จอมพูดมาก ที่เราภาวนาขออย่าให้ได้มาอยู่ห้องเดียวกันนั่นเองกำลังแหล้งเพื่อนอีกแล้ว ตั้งแต่ที่เราตรัสรู้ว่าต้องอยู่ร่วมห้องเดียวกันแน่ๆแล้ว เราก้รู้สึกเลยว่าชีวิตคงจะไม่สงบสุขอีกต่อไป (มโนไปเรื่อย 5555)
แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามคาด ชีวิตไม่สงบสุข จริงๆด้วย เพราะว่า อีตาแว่น มาก่อกวนน่ะสิ แต่ไม่ได้ก่อกวนเราหรอกนะ ก่อกวนเพื่อนผญ คนงามที่นั่งข้างเรานี่แหละ อิตานี่ หน้าม่อมาก ใครสวย ใครน่ารักต้องเข้าไปแกล้งหมด ยิ่งเห็นยิ่งหมั่นไส้ ใช่สิ ชั้นไม่สวยสินะ (อิจฉา 55555) จิงๆถ้าก่อกวนแค่เพื่อนเราเราก็ไม่เดือดร้อนหรอกนะ แต่เนื่องจาก เรานั่งระหว่างกลาง 2 คนนั้นเวลา อิตาแว่นจะ แกล้ง ก็ต้องข้ามหัวเราไปมา เป็นแบบนี้ตลอด น่ารำคาญมั๊กๆ แต่เราไม่ค่อยพูด เป็นคนนิ่งๆ ก็เลยไม่ได้บ่นอะไรออกไป ก็เป็นแบบนี้อยู่หลายอาทิตย์ เราก็มักจะไปบ่นให้เพื่อนที่เราสนิทๆฟังเสมอ ถึงความไม่ชอบและไม่ถูกชะตากับอิตาแว่นนี่ การแกล้งก็ยังดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น 555 หลังๆเริ่มมีไหว้วานเราให้ช่วยแกล้ง หรือว่าใช้โต๊ะเราเป็นยุทธศสตร์ในการจะม่อเพื่อนคนงามคนนั้นของเรา ทำให้เรากับอิตาแว่นเริ่มมีปฎิสัมพัมธ์กันไปโดยปริยาย เช่น เทอๆ เราฝากนี่ในโต๊ะเทอหน่อยดิ
(มันหยิบของเพื่อนเรามาซ่อนโต๊ะเรานั่นเอง = =) เวลาเพื่อนคนงามของเราหายไป ก้มักจะมาถามเอาจากเราว่าหายไปไหน พักหลังๆเราเลยได้คุยกับ อิตานี่บ่อยขึ้น ในใจก็คิดว่า อิตานี่จะมาจีบเพื่อนเราผ่านเราแหงเลย ก็ตามเคย เราก็มักเอาเรื่องน่ารำคาญใจ ของ อิตาแว่นไปเล่าให้เพื่อนสนิทเราฟังเสมอ โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยว่า เราเล่าเรื่องของอิตานี่ บ่อยแค่ไหน ไม่มีวันไหนเลยที่เราจะไม่คิดถึงเรื่องของอิตาแว่น จนเพื่อนๆสนิทเราเริ่มแซวเราว่า เราคิดอะไรกับมันรึป่าว แน่นอนเราตอบว่า "ไม่" ชัดถ้อยชัดคำ ไม่เคยมีซักครั้งที่เราจะคิดอะไรกับอิตานี่แน่นอน!!!!!!
และแล้วจุดเล็กๆในใจเราที่ไม่รู้ว่าคืออะไรก็เกิดขึ้น.....
นอกจากตาแว่นจะชอบมายุ่งวุ่นวายกับเพื่อนคนงามที่นั่งข้างเราแล้ว ก็จะมีเพื่อนผญอีกคนในห้องที่ตาแว่นชอบไปเกาะแกะด้วยเป็นพิเศษ(ขอแทนด้วย K) จนใครๆเค้าก็คิดว่าอิตาแว่นชอบเพื่อนคนนี้แน่ๆ เราก็คิด แล้วมีอยู่วันนึง เรามาที่ห้องเรียนตอนเช้าเป็นคนแรกๆ เรากำลังจะยกเก้าอี้ลงแล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นโต๊ะของ K มีดอกกุหลายสีแดงสดใสวางอยู่ เราก็ไม่ได้คิดอะไรจนกระทั่งเห็นอิตาแว่นทำท่าทางลับๆล่อๆ ถือการ์ดอะไรซักอย่างมาวางคู่กับดอกไม้ดอกนั้น ตอนนั้นสมองกำลังบอกว่า อิตาแว่นเอามาให้ K สินะ แต่หัวใจนี่สิกลับเหมือนมีอะไรวิ่งผ่านไปแวบนึง แวบนึงจริงๆ ที่เรารู้สึกขัดใจ ไม่ชอบ และผิดหวังที่เห็นภาพๆนั้น จากนั้นทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ "นี่เป็นครั้งแรกที่เราเริ่มไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีต่ออิตาแว่น"
แน่นอนว่าทุกคนฮือฮามากเรื่องดอกไม้ของ K ทุกคนพยายามหากันว่าเป็นของๆใครซึ่งเราก็ปิดปากเงียบไม่ได้บอกใครถึงภาพที่เห็น วันนั้นทั้งวันทุกคนพยายามจะอ่านข้อความในการ์ดใบนั้น เพราะต้องมีชื่อชายหนุมนิรนามอยู่ในนั้นแน่ๆ พอถึงตอนเย็นก็มีเพื่อนแย่งการ์ดใบนั้นมาในครอบครองได้สำเร็จ และพยายามอ่านเสียงดังให้ทุกคนรู้ไปเลยว่า ข้อความนั้นเขียนว่าอะไร ข้อความมันหวานเลี่ยนมาก เราฟังแล้วก็แบบ เอิ่ม = =" และแล้วก็มาถึงชื่อบุคคลนิราม อยู่ๆเราก็ไม่อยากจะได้ยินชื่อนั้นขึ้นมาซะอย่างนั้น รู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก กลัวว่าจะเป็นชื่อบางชื่อที่เราคิดอยู่ในใจ วันนั้นเราก็เลยรีบเก็บของออกจากห้องกลับหอไปเลย สรุปก็เลยไม่ได้รู้จริงๆว่าเป็นชื่อของใคร แต่ที่แน่ๆ เย็นวันนั้นเรารู้สึกหวิวๆในใจ มันรู้สึกนอยด์แปลกๆ อย่างหาสาเหตุไม่ได้
ทุกวันก็ผ่านไปเหมือนทุกวันที่ผ่านมา (พูดทำไม 555) ก็คือ อิตาแว่นก็ยังกวนประสาทเหมือนเดิม แต่พักหลังเราได้คุยกันมากขึ้นบ่อยขึ้นระดับนึง จนตอนนี้กลายเป็นว่า อิตาแว่นเริ่มมากวนประสาทเราแทน แต่ครั้งนี้แปลกนะ ที่เราไม่ได้รู้สึกรำคาญเท่าเมื่อก่อน กลับรู้สึกแปลกๆด้วยซ้ำถ้าวันไหนอิตาแว่นหายเงียบไป เดี๋ยวนี้อิตาแว่นเพิ่มสกิลเล่นมุกแปกๆ ไม่ซ้ำกันแต่ละวัน เช่น เดินลากของผ่านหน้าเราไปมา ไอ้เราก็สงสัยถามไปว่าทำอะไรอะ อิตานี่ก็ตอบหน้าตาชื่นมื่นว่า ไม่เคยเห็นหรอ "หล่อลาก" ไง แล้วก็แบบเอิ่ม!!! ช่างกล้า มั่นหน้าจริงๆพ่อคู๊น(ไม่ได้พูดนะแค่คิดในใจ 5555) ถึงแม้ว่าช่วงนี้เราจะรู้สึกดีกับอิตาแว่นมากขึ้น แต่เราก็ยังคงเอาเรื่องน่ารำคาญของอิตาแว่นไปเล่าให้เพื่อนเราสนิทเราฟังบ่อยๆอยู่เหมือนเดิม เราคิดว่าสีหน้า แววตา ท่าทาง เวลาเราพูดถึงอิตาแว่นคงจะเปลี่ยนไปมั้ง เพื่อนเราเลยแซวเราหนักมากขึ้น จนพักหลังๆมานี่เริ่มยกระดับ แซวต่อหน้าอิตาแว่นเลย ให้ตายสิ!! แน่นอนเราก็เขินจิ ได้แต่หน้าแดง ปฏิเสธใหญ่โต ว่าอย่างเราเนี่ยนะจะไปคิดอะไรกับอิตานี่ได้ แต่ในใจเราก็แอบคิดนะว่า ถ้าอิตาแว่นเข้าใจตามที่เพื่อนเราแซวก็อาจจะดีก็ได้ >.<
แซวอย่างเดียวคงจะไม่พอ ต้องมีเหตุการณ์มาให้แซวให้มันส์กว่าเดิมถึงจะดีเนอะ^^
ก็คือว่า ในห้องต้องมีการจับฉลากทุกอาทิตย์ว่าจะได้นั่งคู่กับใครจะเปลี่ยนๆแบบนี้ไปทุกอาทิตย์ และแล้วไม่รู้กุมารทองที่ไหนดลใจให้เรากับอิตาแว่นจับฉลากได้มานั่งคู่กัน ครั้งแรกที่เห็นชื่ออิตาแว่นในกระดาษ เราดีใจอย่างบอกไม่ถูก พอรู้สึกตัวก็คิดได้ว่า นี่ชั้นจะดีใจทำกะละมังอะไร = =" หลังจากนั้นพอเพื่อนรู้ข่าวว่าเราได้นั่งด้วยกัน คราวนี้ก็แซวยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเดินผ่านอิตาแว่น นั่งกินข้าว ไปห้องสมุด โอ๊ย ทุกที่ที่บังเอิญเจอกัน ต้องมีคำแซวจากพวกมันออกมาไม่หยุด ในใจเราเขิน แล้วก็แอบฟินมากเลยนะ ไม่เคยรู้ตัวเลยว่าตัวเองรู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็อย่างที่เค้าว่ากันละเนอะ น้ำตกใส่หินทุกวันหินมันยังกร่อน แล้วนับประสาอะไรกับหัวเด็กผู้หญิงบอบบางคนนี้ล่ะ (จริงๆถึกมาก สิบล้อชนแล้วล้อยุบ555) ความรู้สึกของเราเริ่มเปลี่ยนไปมากขึ้นๆ นั่งๆอยู่ก็คิดถึงเรื่องของอิตาแว่น อยากจะให้เช้าไวๆจะได้ไปเรียนไปเจอหน้าคนบางคน ไม่ว่าอิตาแว่นจะทำอะไร เราก็มักจะแอบมองตามเสมอ(ไม่ได้โรคจิตนะ555) ยิ่งเวลาที่นั่งอยู่ใกล้กันหัวใจมันเต้นตึกๆ ตลอดเลย ตอนนี้เวลาคุยกันเราไม่กล้ามองหน้าเค้าด้วยซ้ำ จะสบตานี่ไม่ต้องพูดถึง เรารู้สึกว่าแก้มเราร้อนตลอดเวลาเลย มีอยู่ครั้งนึง อิตาแว่น ยังถามเราเลยว่าเป็นอะไร ไม่สบายหรอ หน้าแดงจัง เราก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก(ตอนนี้พิมพ์อยู่นึกถึงตอนนั้นก็ยังใจเต้นอยู่เลย แอร๊ย) ไม่รู้สิ ไม่รู้คนอื่นจะเป็นเหมือนเรามั๊ย เราก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกพวกนี้มันคืออะไรกันแน่ อาจจะเรียกว่า "กำลังตกหลุมรัก" ก็ได้ละมั้ง >///<
ยังมีต่อนะ พักแป๊บ 5555
ความทรงจำสี(ไม่เคยจาง)... มาแชร์ความทรงจำกันได้นะ^^
ถูกดูดให้ย้อนกลับไปช่วงเวลาเหล่านั้น มันมีความสุข แล้วก็จะยิ้มออกมาโดยที่เราไม่รู้ตัวเสมอ
ปล. ไม่ได้มาซ้อมแต่งนิยายใดๆนะ 555 เรื่องอาจจะไม่สนุกนะ เราแค่อยากถ่ายทอดความทรงจำเก็บไว้เป็นตัวหนังสือ ไม่ใช่เป็นแค่ภาพในหัวเท่านั้น^^
เรื่องมีอยู่ว่า....
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราต้องย้ายโรงเรียน เพราะเราสอบติดโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งอยู่คนละจังหวัดกับที่เราอยู่
โรงเรียนที่เราจะไปค่อนข้างจะมีแต่เด็กเก่งๆ และที่สำคัญก็ดูจะมีอันจะกินกันไปหมด 5555
เรามาจากครอบครัวธรรมดาสามัญมากๆ เลยรู้สึกกังวลมาก ไม่รู้จะปรับตัว หรือว่าเข้ากับคนอื่นได้ไหม
เราเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด (อ่านมาถึงตรงนี้จะบอกว่า ที่เกริ่นมาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่จะเล่าเลย 555555)
แล้วเราก็เป็นคนที่ชอบอ่านนิยายรักหวานแหว (นิยาย แจ่มใส วิ๊งๆๆ ประมาณนี้) เพราะฉะนั้นเราจะเป็นพวกมีจินตนาการล้ำเลิศ ชอบมโนไปเรื่อย ตามประสาเด็กผู้หญิงช่างฝัน ก็แบบประมาณว่า ถ้าบังเอิญเจอใครบ่อยๆ แม้ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนอะนะ ก็จะมโนว่า อุ๊ย ตานี่เนื้อคู่เรารึป่าว ยิ่งถ้าหล่อใสแล้วได้สบตา จะยิ่งเอากลับไปฟิน แต่งเป็นเรื่องเป็นราวอยู่คนเดียว 55555
เข้าเรื่องเลยดีกว่าเนอะ 55555
ด้วยความชอบมโนของเรานี่แหละ วันนั้นเป็นวันสัมภาษณ์กับตรวจร่างกายของ รร.ใหม่เรา เป็นวันแรกที่จะได้เห็นหน้าเพื่อนใหม่ของเราในอนาคตแบบพร้อมเพรียง ครั้งแรกที่เห็นทุกคนเราแบบ เฮ้ย ทำไมแต่ละคนดูมีออร่าจัง คนนั้นก็ขาว คนนั้นก็น่ารัก ผมยาว ดูวิ๊งๆๆ ปาจิงโกะ กันไปหมด แต่แน่นอน ผญไม่อยู่ในสายตาเรานานหรอก 555 เหยื่อของเราก็ต้องเป็น หนุ่มน้อยหน้ามน ทั้งหลายแต่ละคนก็ดูดีไปหมด อาจจะไม่ได้ดูดีมาก แต่เราเคยอยู่แต่รร.หญิงล้วนมาตลอด เลยไม่ค่อยได้สัมผัสกับ สมช เพศตรงข้ามเท่าไรเราเลยตื่นเต้นนิดหน่อย 5555 ระหว่างรอปฐมนิเทศเราก็นั่งมองคนนั้นคนนี้ไปเพลินๆ แล้วสายตาก็บังเอิญมาเจอกับ เด็กผู้ชายคนนึง หน้าตาก็งั้นๆ ใส่แว่น ผมชี้ๆ ตัวสูงกว่าเรานิดหน่อย ดูเป็นเด็กเรียนมาก และที่สำคัญพูดมากโครตๆ เค้าชอบแกล้งคนนั้น คนนี้ไปเรื่อย เท่าที่ดูคงจะเป็นคนประเภทอัธยาศัยดีเว่อ แล้วน่าจะเจ้าชู้เว่อด้วย เห็นแกล้งแต่ผญน่ารัก เราเห็นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่รู้สึกไม่ถูกชะตาเอาซะเลย
เราไม่ค่อยชอบผู้ชาายที่พูดมากเท่าไร ยิ่งชอบมาแกล้งนู่นนี่นั่น ยิ่งไม่ค่อยชอบ เพราะเราอ่านนิยายมาเยอะ สเปคหนุ่นในนิยายของเราต้องแบบเย็นชา เงียบขรึม ดูเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้น พอเห็นตานี่แล้วก็คิดเลยว่า "ขอให้อย่ามาอยู่ห้องเดียวกันเลยเถ๊อะ สาธุ"
แต่ก็นะ คงจะจริงเหมือนกับที่โบราณเค้าว่าเอาไว้ "ไม่ชอบอะไร ก็จะได้อย่างนั้น" วันแรกที่เปิดเรียนมา เราตื่นเต้นมากลุ้นว่าจะมีเพื่อนร่วมห้องเป็นใครบ้าง
พอไปถึงห้องเรียนก็เจอเพื่อนๆ หลายคนก็ทักทายทำความรู้จักกันเป็นธรรมดา เราได้นั่งข้างเด็กผญคนนึง น่าตาน่ารักเชียวแหละ ดูฮอตในหมู่เพื่อนๆด้วย ยิ่งมีเราหน้าตาจืดๆไปนั่งข้าง เหมือนจะช่วยให้เค้าดูเด่นขึ้นไปอีก 55555 ระหว่างที่เรานั่งอยู่ที่โต๊ะของเรา เราก็ได้ยินเสียงหัวเราะชั่วร้ายดังขึ้น พร้อมกับเสียงบ่นไม่พอใจของเพื่อนผญดังตามมา เราหันไปดูไม่ใช่ใครที่ไหน ก็อีตาแว่น จอมพูดมาก ที่เราภาวนาขออย่าให้ได้มาอยู่ห้องเดียวกันนั่นเองกำลังแหล้งเพื่อนอีกแล้ว ตั้งแต่ที่เราตรัสรู้ว่าต้องอยู่ร่วมห้องเดียวกันแน่ๆแล้ว เราก้รู้สึกเลยว่าชีวิตคงจะไม่สงบสุขอีกต่อไป (มโนไปเรื่อย 5555)
แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามคาด ชีวิตไม่สงบสุข จริงๆด้วย เพราะว่า อีตาแว่น มาก่อกวนน่ะสิ แต่ไม่ได้ก่อกวนเราหรอกนะ ก่อกวนเพื่อนผญ คนงามที่นั่งข้างเรานี่แหละ อิตานี่ หน้าม่อมาก ใครสวย ใครน่ารักต้องเข้าไปแกล้งหมด ยิ่งเห็นยิ่งหมั่นไส้ ใช่สิ ชั้นไม่สวยสินะ (อิจฉา 55555) จิงๆถ้าก่อกวนแค่เพื่อนเราเราก็ไม่เดือดร้อนหรอกนะ แต่เนื่องจาก เรานั่งระหว่างกลาง 2 คนนั้นเวลา อิตาแว่นจะ แกล้ง ก็ต้องข้ามหัวเราไปมา เป็นแบบนี้ตลอด น่ารำคาญมั๊กๆ แต่เราไม่ค่อยพูด เป็นคนนิ่งๆ ก็เลยไม่ได้บ่นอะไรออกไป ก็เป็นแบบนี้อยู่หลายอาทิตย์ เราก็มักจะไปบ่นให้เพื่อนที่เราสนิทๆฟังเสมอ ถึงความไม่ชอบและไม่ถูกชะตากับอิตาแว่นนี่ การแกล้งก็ยังดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น 555 หลังๆเริ่มมีไหว้วานเราให้ช่วยแกล้ง หรือว่าใช้โต๊ะเราเป็นยุทธศสตร์ในการจะม่อเพื่อนคนงามคนนั้นของเรา ทำให้เรากับอิตาแว่นเริ่มมีปฎิสัมพัมธ์กันไปโดยปริยาย เช่น เทอๆ เราฝากนี่ในโต๊ะเทอหน่อยดิ
(มันหยิบของเพื่อนเรามาซ่อนโต๊ะเรานั่นเอง = =) เวลาเพื่อนคนงามของเราหายไป ก้มักจะมาถามเอาจากเราว่าหายไปไหน พักหลังๆเราเลยได้คุยกับ อิตานี่บ่อยขึ้น ในใจก็คิดว่า อิตานี่จะมาจีบเพื่อนเราผ่านเราแหงเลย ก็ตามเคย เราก็มักเอาเรื่องน่ารำคาญใจ ของ อิตาแว่นไปเล่าให้เพื่อนสนิทเราฟังเสมอ โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยว่า เราเล่าเรื่องของอิตานี่ บ่อยแค่ไหน ไม่มีวันไหนเลยที่เราจะไม่คิดถึงเรื่องของอิตาแว่น จนเพื่อนๆสนิทเราเริ่มแซวเราว่า เราคิดอะไรกับมันรึป่าว แน่นอนเราตอบว่า "ไม่" ชัดถ้อยชัดคำ ไม่เคยมีซักครั้งที่เราจะคิดอะไรกับอิตานี่แน่นอน!!!!!!
และแล้วจุดเล็กๆในใจเราที่ไม่รู้ว่าคืออะไรก็เกิดขึ้น.....
นอกจากตาแว่นจะชอบมายุ่งวุ่นวายกับเพื่อนคนงามที่นั่งข้างเราแล้ว ก็จะมีเพื่อนผญอีกคนในห้องที่ตาแว่นชอบไปเกาะแกะด้วยเป็นพิเศษ(ขอแทนด้วย K) จนใครๆเค้าก็คิดว่าอิตาแว่นชอบเพื่อนคนนี้แน่ๆ เราก็คิด แล้วมีอยู่วันนึง เรามาที่ห้องเรียนตอนเช้าเป็นคนแรกๆ เรากำลังจะยกเก้าอี้ลงแล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นโต๊ะของ K มีดอกกุหลายสีแดงสดใสวางอยู่ เราก็ไม่ได้คิดอะไรจนกระทั่งเห็นอิตาแว่นทำท่าทางลับๆล่อๆ ถือการ์ดอะไรซักอย่างมาวางคู่กับดอกไม้ดอกนั้น ตอนนั้นสมองกำลังบอกว่า อิตาแว่นเอามาให้ K สินะ แต่หัวใจนี่สิกลับเหมือนมีอะไรวิ่งผ่านไปแวบนึง แวบนึงจริงๆ ที่เรารู้สึกขัดใจ ไม่ชอบ และผิดหวังที่เห็นภาพๆนั้น จากนั้นทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ "นี่เป็นครั้งแรกที่เราเริ่มไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีต่ออิตาแว่น"
แน่นอนว่าทุกคนฮือฮามากเรื่องดอกไม้ของ K ทุกคนพยายามหากันว่าเป็นของๆใครซึ่งเราก็ปิดปากเงียบไม่ได้บอกใครถึงภาพที่เห็น วันนั้นทั้งวันทุกคนพยายามจะอ่านข้อความในการ์ดใบนั้น เพราะต้องมีชื่อชายหนุมนิรนามอยู่ในนั้นแน่ๆ พอถึงตอนเย็นก็มีเพื่อนแย่งการ์ดใบนั้นมาในครอบครองได้สำเร็จ และพยายามอ่านเสียงดังให้ทุกคนรู้ไปเลยว่า ข้อความนั้นเขียนว่าอะไร ข้อความมันหวานเลี่ยนมาก เราฟังแล้วก็แบบ เอิ่ม = =" และแล้วก็มาถึงชื่อบุคคลนิราม อยู่ๆเราก็ไม่อยากจะได้ยินชื่อนั้นขึ้นมาซะอย่างนั้น รู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก กลัวว่าจะเป็นชื่อบางชื่อที่เราคิดอยู่ในใจ วันนั้นเราก็เลยรีบเก็บของออกจากห้องกลับหอไปเลย สรุปก็เลยไม่ได้รู้จริงๆว่าเป็นชื่อของใคร แต่ที่แน่ๆ เย็นวันนั้นเรารู้สึกหวิวๆในใจ มันรู้สึกนอยด์แปลกๆ อย่างหาสาเหตุไม่ได้
ทุกวันก็ผ่านไปเหมือนทุกวันที่ผ่านมา (พูดทำไม 555) ก็คือ อิตาแว่นก็ยังกวนประสาทเหมือนเดิม แต่พักหลังเราได้คุยกันมากขึ้นบ่อยขึ้นระดับนึง จนตอนนี้กลายเป็นว่า อิตาแว่นเริ่มมากวนประสาทเราแทน แต่ครั้งนี้แปลกนะ ที่เราไม่ได้รู้สึกรำคาญเท่าเมื่อก่อน กลับรู้สึกแปลกๆด้วยซ้ำถ้าวันไหนอิตาแว่นหายเงียบไป เดี๋ยวนี้อิตาแว่นเพิ่มสกิลเล่นมุกแปกๆ ไม่ซ้ำกันแต่ละวัน เช่น เดินลากของผ่านหน้าเราไปมา ไอ้เราก็สงสัยถามไปว่าทำอะไรอะ อิตานี่ก็ตอบหน้าตาชื่นมื่นว่า ไม่เคยเห็นหรอ "หล่อลาก" ไง แล้วก็แบบเอิ่ม!!! ช่างกล้า มั่นหน้าจริงๆพ่อคู๊น(ไม่ได้พูดนะแค่คิดในใจ 5555) ถึงแม้ว่าช่วงนี้เราจะรู้สึกดีกับอิตาแว่นมากขึ้น แต่เราก็ยังคงเอาเรื่องน่ารำคาญของอิตาแว่นไปเล่าให้เพื่อนเราสนิทเราฟังบ่อยๆอยู่เหมือนเดิม เราคิดว่าสีหน้า แววตา ท่าทาง เวลาเราพูดถึงอิตาแว่นคงจะเปลี่ยนไปมั้ง เพื่อนเราเลยแซวเราหนักมากขึ้น จนพักหลังๆมานี่เริ่มยกระดับ แซวต่อหน้าอิตาแว่นเลย ให้ตายสิ!! แน่นอนเราก็เขินจิ ได้แต่หน้าแดง ปฏิเสธใหญ่โต ว่าอย่างเราเนี่ยนะจะไปคิดอะไรกับอิตานี่ได้ แต่ในใจเราก็แอบคิดนะว่า ถ้าอิตาแว่นเข้าใจตามที่เพื่อนเราแซวก็อาจจะดีก็ได้ >.<
แซวอย่างเดียวคงจะไม่พอ ต้องมีเหตุการณ์มาให้แซวให้มันส์กว่าเดิมถึงจะดีเนอะ^^
ก็คือว่า ในห้องต้องมีการจับฉลากทุกอาทิตย์ว่าจะได้นั่งคู่กับใครจะเปลี่ยนๆแบบนี้ไปทุกอาทิตย์ และแล้วไม่รู้กุมารทองที่ไหนดลใจให้เรากับอิตาแว่นจับฉลากได้มานั่งคู่กัน ครั้งแรกที่เห็นชื่ออิตาแว่นในกระดาษ เราดีใจอย่างบอกไม่ถูก พอรู้สึกตัวก็คิดได้ว่า นี่ชั้นจะดีใจทำกะละมังอะไร = =" หลังจากนั้นพอเพื่อนรู้ข่าวว่าเราได้นั่งด้วยกัน คราวนี้ก็แซวยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเดินผ่านอิตาแว่น นั่งกินข้าว ไปห้องสมุด โอ๊ย ทุกที่ที่บังเอิญเจอกัน ต้องมีคำแซวจากพวกมันออกมาไม่หยุด ในใจเราเขิน แล้วก็แอบฟินมากเลยนะ ไม่เคยรู้ตัวเลยว่าตัวเองรู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็อย่างที่เค้าว่ากันละเนอะ น้ำตกใส่หินทุกวันหินมันยังกร่อน แล้วนับประสาอะไรกับหัวเด็กผู้หญิงบอบบางคนนี้ล่ะ (จริงๆถึกมาก สิบล้อชนแล้วล้อยุบ555) ความรู้สึกของเราเริ่มเปลี่ยนไปมากขึ้นๆ นั่งๆอยู่ก็คิดถึงเรื่องของอิตาแว่น อยากจะให้เช้าไวๆจะได้ไปเรียนไปเจอหน้าคนบางคน ไม่ว่าอิตาแว่นจะทำอะไร เราก็มักจะแอบมองตามเสมอ(ไม่ได้โรคจิตนะ555) ยิ่งเวลาที่นั่งอยู่ใกล้กันหัวใจมันเต้นตึกๆ ตลอดเลย ตอนนี้เวลาคุยกันเราไม่กล้ามองหน้าเค้าด้วยซ้ำ จะสบตานี่ไม่ต้องพูดถึง เรารู้สึกว่าแก้มเราร้อนตลอดเวลาเลย มีอยู่ครั้งนึง อิตาแว่น ยังถามเราเลยว่าเป็นอะไร ไม่สบายหรอ หน้าแดงจัง เราก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก(ตอนนี้พิมพ์อยู่นึกถึงตอนนั้นก็ยังใจเต้นอยู่เลย แอร๊ย) ไม่รู้สิ ไม่รู้คนอื่นจะเป็นเหมือนเรามั๊ย เราก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกพวกนี้มันคืออะไรกันแน่ อาจจะเรียกว่า "กำลังตกหลุมรัก" ก็ได้ละมั้ง >///<
ยังมีต่อนะ พักแป๊บ 5555